สรรพากรบังคับบริษัท ส่งข้อมูลรายได้อิเล็กทรอนิกส์ ป้องกันปลอมแปลง

นายวินิจ วิเศษสุวรรณภูมิ รองอธิบดีกรมสรรพากร และโฆษกกรมสรรพากร เปิดเผยว่า ขณะนี้กรมสรรพากร กำหนดให้ทุกบริษัท จะต้องส่งเงินได้ของพนักงานเป็นไฟล์อิเล็กทรอนิกส์ มาให้กรม เพื่อป้องกันการปลอมแปลงหนังสือรับรองการหัก ณ ที่จ่ายหรือ 50 ทวิหลังจากก่อนหน้านี้ กรมยังใช้ระบบสมัครใจในการนำส่งการหักภาษี ณ ที่จ่าย ว่าจะนำส่งเป็นกระดาษ หรือทางไฟล์อิเล็กทรอนิกส์คำพูดจาก ทดลองเล่น

ตั้งแต่ปีนี้เป็นต้นไป ทุกบริษัทจะต้องนำส่งเป็นไฟล์อิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งจะทำให้พนักงานที่มีเงินเดือนทุกราย ที่ต้องจ่ายภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา สามารถเรียกดูใบรับรองการหักภาษี ณ ที่จ่าย หรือ 50 ทวิ ในระบบ มาย แท็กซ์ แอคเคานท์ ตั้งแต่การยื่นภาษีประจำปี ในช่วง 1 ม.ค. ถึง 31 มี.ค. 68 เป็นต้นไป

ทั้งนี้ ผลดีของการยื่นเป็น ไฟล์อิเล็กทรอนิกส์ดังกล่าว จะช่วยลดขั้นตอนการทำงานของบริษัทที่เป็นผู้หักเงินได้ โดยไม่ต้องเก็บเอกสารเป็นกระดาษ ซึ่งเป็นภาระและต้นทุนในการจัดเก็บ และที่สำคัญ เป็นการป้องกันการปลอมแปลงหนังสือรับรองการหักภาษี ณ ที่จ่ายได้ด้วย ซึ่งที่ผ่านมา มีพนักงานลูกจ้างของบริษัทมีการปลอมแปลงหนังสือรับรองการหัก ณ ที่จ่ายกันเยอะ นอกจากนั้น ยังเป็นการอำนวยความสะดวกให้กับพนักงานที่เป็นลูกจ้าง ที่มีเงินได้จากหลายแหล่ง สามารถเห็นการหักภาษี ณ ที่จ่ายของบริษัทต่างๆ ที่เป็นผู้จ่ายเงินได้ให้กับตนเอง ไม่จำเป็นต้องไปตระเวนเพื่อขอหนังสือรับรองจากแต่ละบริษัท

นายวินิจ กล่าวว่า ในอนาคตกรมสรรพากร ยังจะเชื่อมโยงข้อมูลที่เกี่ยวกับภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาทั้งหมด ให้สามารถเข้าสู่ระบบมาย แท็กซ์ แอคเคานท์ ซึ่งเป็นเครื่องมือในการอำนวยความสะดวกให้แก่ผู้เสียภาษี แต่ข้อมูลบางอย่างการเชื่อมต่อผ่านระบบออนไลน์ ยังไม่สามารถทำได้ เช่น ข้อมูลของเงินกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ ที่นายจ้างหักจากเงินเดือนของลูกจ้าง แล้วนำส่งให้กองทุนไปบริหาร ซึ่งข้อมูลการหักเงินนำส่งอยู่กับนายจ้าง แต่กรมจำเป็นต้องได้ข้อมูลโดยตรงจากกองทุน ดังนั้นการวางระบบเพื่อเชื่อมโยงข้อมูลจึงจำเป็นต้องใช้เวลา

ในอนาคตกรมสรรพากรตั้งใจจะเชื่อมโยงข้อมูลเงินได้ และค่าลดหย่อนต่างของพนักงาน เข้ามาไว้ในระบบทั้งหมด และเป็นการส่งมาล่วงหน้า เพื่อให้กรมสรรพากรสามารถแจ้งไปยังนายจ้างว่า ให้หักภาษี ณ ที่จ่ายในระดับที่พอดี ไม่หักไว้เกิน จนต้องมายื่นขอคืนในภายหลัง โดยในปีที่แล้ว มีการยื่นแบบภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา รวม 11.4 ล้านราย 96% ของผู้ยื่นแบบภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา เป็นการยื่นผ่านอิเล็กทรอนิกส์ และมีผู้ยื่นขอคืนภาษี 4 ล้านราย ขณะที่การยื่นแบบภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาในปีนี้นั้น จนถึงวันที่ 5 ก.พคำพูดจาก ทดลองเล่นสล็อตทุกค่ายไม่ต้องสมัคร. ที่ผ่านมานี้ มีการยื่นมาแล้ว 2.1 ล้านราย มากขึ้นกว่าช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ที่มีการยื่นแบบภาษีมา 1.7 ล้านแบบ

นายวินิจ วิเศษสุวรรณภูมิ รองอธิบดีกรมสรรพากร และโฆษกกรมสรรพากร เปิดเผยว่า ขณะนี้กรมสรรพากร กำหนดให้ทุกบริษัท จะต้องส่งเงินได้ของพนักงานเป็นไฟล์อิเล็กทรอนิกส์ มาให้กรม เพื่อป้องกันการปลอมแปลงหนังสือรับรองการหัก ณ ที่จ่ายหรือ 50 ทวิหลังจากก่อนหน้านี้ กรมยังใช้ระบบสมัครใจในการนำ…